“โครงการหลวง”หนึ่งในโครงการส่วนพระองค์ใน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ประสบความสำเร็จได้รับการยกย่องระดับโลก ในการเปลี่ยนพื้นที่ปลูกฝิ่น เป็นการปลูกพืชเมืองหนาว สร้างรายได้แก่ชาวเขาทางภาคเหนือของประเทศไทย
แต่คุณเคยสงสัยไหมคะ ว่าพระองค์นำพันธุ์ไม้มาจากไหน ทำไมถึงมีความหลากหลาย ขนาดที่ว่าสามารถเปลี่ยนภูเขาได้ทั้งลูก เราเคยแอบตั้งคำถามนี้ไว้ในใจมานานแสนนาน จนกระทั่งได้มีโอกาสได้ไปเยือน ฟาร์มฟูโซ่วซาน ที่ประเทศไต้หวันเราจึงได้รับคำตอบนี้ค่ะ
เราได้มีโอกาสเดินทางไปยังประเทศไต้หวันตามคำเชิญของ สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทยค่ะ ให้ไปสัมผัสสถานที่ท่องเที่ยวในไต้หวันหลากหลายมุมมอง ทั้งในด้านวัฒนธรรม ธรรมชาติ ธุรกิจ และครอบครัว แต่มีสถานที่หนึ่งที่รู้สึกดีที่สุดในการเที่ยวทริปนี้คือฟาร์มฟูโซ่วซานค่ะ
ฟาร์มฟูโซ่วซาน (Fushoushan Farm) ตั้งอยู่ระหว่าง ภูเขา Hehuan และภูเขาSnow ในเขตไถ่จง ซึ่งอยู่บนภูเขาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,800-2,614 เมตร การเดินทางจากไทเป ต้องนั่งรถไฟความเร็วสูงและ นั่งรถบัสขึ้นเขาที่มีความคดเคี้ยวประมาณเดียวกับการไปเที่ยวอำเภอปาย ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนเลยค่ะ
แต่เมื่อไปถึงก็คุ้มค่ากับการมาเยือนเพราะที่นี่ ล้อมรอบไปด้วยภูเขา และวิวทิวทัศน์ บนพื้นที่ประมาณ 8 หมื่นเอเคอร์ จนถูกขนานนามว่า สวิตเซอร์แลนด์แห่งไต้หวัน (Petite Switzerland)
นอกจากบรรยากาศที่น่าประทับใจในทุกฤดูกาลแล้วที่นี่ยังเหมาะสมในการปลูกผัก ผลไม้ และดอกไม้นานาพรรณและเป็นสถาบันวิจัยพืชและเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติด้วย
โครงการหลวงในประเทศไทยก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2512 โดยหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี เป็นผู้รับผิดชอบในฐานะประธานมูลนิธิโครงการหลวง จนกระทั่งในปี 2513 คุณซง ชิง ยวิน รองผู้จัดการฟาร์มได้เดินทางไปยังประเทศไทย เพื่อสำรวจพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย สรุปเป็นรายงานให้ทางการได้ทราบ จากนั้นได้มีการมอบหมายบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถมาประจำการและทำงานร่วมกับ อาสาสมัครจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ กรมวิชาการเกษตร กรมปศุสัตว์และกองทัพอากาศ
โดยมีการนำพันธุ์ไม้ตัวอย่างไปทดลองปลูกที่เชียงใหม่อย่างเช่น แพร์ พีช พรุน ท้อ ลูกพลับ ถั่วแมคคาเดเมีย เป็นต้น ได้มีการปรับปรุงสายพันธุ์ให้เหมาะกับ สภาพแวดล้อมในไทยจนได้สายพันธุ์ที่ดีที่สุด ก่อนจะนำผักชนิดต่างๆ มาทดลองเพาะปลูกด้วย
ที่ฟาร์มฟู่โซ่วซานแห่งนี้จึงได้มีการสร้างอนุสรณ์สถานฮวาไท่ หรือ ศาลาชมหิมะ เพื่อบอกเล่าเรื่องราว ของความร่วมมือตลอด 40 ปีที่ผ่านมา มีการจารึกโครงการต่างๆลงบนแผ่นหินอ่อนว่าปีไหนปลูกพันธุ์ไม้อะไรแต่ยังมีพื้นที่ว่างสำหรับรอการจารึกในอนาคตด้วย
โดยมีอนุสาวรีย์ช้างไทย และหมีไต้หวัน ซึ่งเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของทั้ง 2 ประเทศ โดยน้องหมีดำหันหน้าไปหาช้างไทยในทิศเดียวกับที่ไต้หวันหันมาหาประเทศไทยด้วยค่ะ
มีการจารึกตราสัญลักษณ์โครงการหลวงไว้ที่นี่ด้วย ทางท่านผู้อำนวยการฟาร์มฟูโซ่วซานนำพวกเราเยี่ยมชมบริเวณต่างๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งบอกเล่าเรื่องราวความประทับใจมากมายในโครงการความร่วมมือครั้งนี้ อย่างเช่น มีนักวิจัยชาวไต้หวันท่านหนึ่งไปร่วมงานกับโครงการหลวงที่เชียงใหม่ จนเกษียณอายุแต่ก็ยังรักเมืองไทย ชอบอัธยาศัยคนไทยและอยู่ช่วยงานเป็นอาสาสมัครที่โครงการหลวงต่อจนถึงปัจจุบัน เป็นต้น
มีท่านทูตประจำประเทศไทยบอกว่า การหาธงชาติไทยในไต้หวันคือเรื่องที่ยากมาก แต่ที่ฟูโซ่วซานมีธงชาติไทยเตรียมต้อนรับคณะของเรา หรือแม้แต่เครื่องดื่มที่ทุกแห่งจะเตรียมชา แต่ที่นี่มีน้ำอัดลมเตรียมไว้ให้ ท่าน ผอ.บอกว่า ท่านรู้ว่าคนไทยชอบดื่มน้ำอัดลมเลยเตรียมไว้ต้อนรับเป็นกรณีพิเศษ
ที่ฟาร์มฟูโซ่วซานแห่งนี้มีร้านอาหารและที่พักไว้รองรับนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่ต้องการศึกษาธรรมชาติโดยเฉพาะค่ะ เพราะที่นี่ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ถ้าในด้านเกษตรกรรม มีต้นราชาแอปเปิ้ล ที่ใน 1 ต้นมีผลแอปเปิ้ลมากกว่า 40 สายพันธุ์
แอปเปิ้ลจะออกผลประมาณเดือนกันยายนค่ะ รูปนี้เป็นรูปโปรโมตของทางฟาร์ม แต่เราไปตอนเดือนเมษายนเป็นช่วงที่แอปเปิ้ล สาลี่ ลูกแพร์ ออกดอกเต็มต้น สวยเหมือนโลเคชั่นในภาพยนตร์เลยค่ะ
ดอกแอปเปิ้ลบานสะพรั่งไปทั้งยอดเขาเลยล่ะค่ะ
ซึ่งนอกเหนือจากไม้ผลแล้ว ไม้ดอกที่นี่ก็สวยงามไม่แพ้กันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นดอกซากุระซึ่งช่วงปลาบเดือนเมษายังบานสะพรั่งอยู่เลยค่ะ
หรือถ้าใครไม่เคยเห็นดอกซากุระสีเหลืองมาก่อน ก็ต้องแวะมาชมกันค่ะ
หรือแม้แต่ดอกวิสทีเรีย ก็ส่งกลิ่นหอมบนนั่งร้านที่เราสามารถนั่งชิลล์บริเวณโต๊ะไม้ ระหว่างนั่งปิกนิกเป็นความผ่อนคลายจากกลิ่นหอมๆ และอากาศบนยอดเขาอันสดชื่นอย่างแท้จริง
หรือแม้แต่ใบเมเปิ้ลหลากสี ก็สร้างความงดงามให้ฟาร์มแห่งนี้เป็นมากกว่าสถาบันวิจัยการเกษตรทั่วไป
นอกจากนี้ยังมี ดอกไม้นานาพรรณ ที่ทางฟาร์มได้มีการวางแผนเพื่อให้สถานที่แห่งนี้งดงามเหมือนภาพฝันตลอดทั้งปี แต่ถ้าคุณเป็นคนชอบดื่มชา ชาอู่หลงที่นี่ก็เป็นชาออร์แกนิคคุณภาพดี ซึ่งผู้เข้าชมสามารถซื้อกลับบ้านได้ที่ร้านค้าสหกรณ์ของทางฟาร์มค่ะ
ด้วยความที่ฟาร์มฟูโซ่วซานมีอากาศที่บริสุทธิ์มาก อดีตประธานาธิบดีเจียงไคเช็ก ก็เป็นอีกบุคคลสำคัญท่านหนึ่งที่โปรดปรานฟูโซ่วซานมาก ถึงกับให้สร้างบ้านพักตากอากาศที่นี่
โดยเราสามารถเยี่ยมชมภายในบ้าน สัมผัสถึงวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของอดีตผู้นำคนสำคัญ รวมทั้งมุมสำหรับการปรึกษาหารือข้อราชการ อย่างศาลากวานกวัง บริเวณสระแห่งฟ้า ซึ่งเป็นสระน้ำที่อยู่บริเวณจุดสูงสุดของฟูโซ่วซาน มีความเชื่อว่า เป็นจุดทางเชื่อมสวรรค์ มีหลายคนเคยมาฝึกสมาธิและวิทยายุทธที่นี่ หรือถ้าหากใครต้องการขอพรก็ให้วนรอบสระเวียนซ้ายและขวาอย่างละ 3 รอบ เชื่อว่าคำอธิษฐานนั้นจะสัมฤทธิ์ผล
ฟาร์มฟู่โซ่วซานเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปีค่ะ แต่อาจต้องจองล่วงหน้าเพราะบางฤดูกาลเช่นช่วงที่แอปเปิ้ลออกผลจะมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก โดยที่พักก็เลือกตั้งแต่บ้านพัก และลานกางเต้นท์ก่อแคมป์ไฟ อันนี้ก็แล้วแต่ความชื่นชอบของแต่ละคนเลยค่ะ
เราบอกลาฟาร์มฟูโซ่วซานด้วยความเสียดาย แหม…น่าจะอยู่ต่อหลายๆ วัน อากาศดียังไม่เทียบเท่าความรู้สึกดีๆที่ได้รับ ทั้งอัธยาศัยไมตรี ทั้งเบื้องหลังความสำเร็จของโครงการหลวงที่มีส่วนช่วย ในการเปลี่ยนชีวิตคนไทยในภาคเหนือให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ถ้าคุณมีโอกาสมาเที่ยวไต้หวัน ลองแพลนทริปมาฟาร์มฟูโซ่วซานนะคะ ดีต่อใจมากจริงๆ
Fushoushan Farm Service Information
Tel: +886-4-25989202
http://www.fushoushan.com.tw