ได้มีโอกาสมาชม Dragon Ball Z : Resurrection F หรือชื่อตอนภาษาไทยว่า การคืนชีพของฟรีซเซอร์ ในรอบสื่อมวล
ชน ดีใจอย่างกะถูกหวยวันที่ 18 มากๆ คร้าาา
ตั๋วหนังดีไซน์เดียวกับโปสเตอร์ที่ปล่อยออกมาให้แฟนๆตั้งตาลอยคอเพื่อรอคอยตั้งแต่ปีที่แล้ว (กราบบบบขอบคุณ United Home Entertainment ค่ะ)
เรามาชมกันที่โรงภาพยนตร์ SF Cinema ชั้น 6 เซนทรัลลาดพร้าว (ขอบคุณสถานที่โรงหนังเขาดี๊ดี)
ได้เห็นประชาชีมากมายส่วนมากเป็นแฟนคลับ ใส่เสื้อสำนักผู้เฒ่าเต่ากันด้วย
มีโมเดลซุปเปอร์ไซย่าก๊อดมาอวดโฉมยั่วกิเลสเราด้วย (ฮือๆๆๆๆ #อยากได้หนะกมาก)
ตัวอื่นๆ ก็มีพอประดับประดา
มาว่ากันที่เรื่องราวในตอนนี้กันดีกว่า เกริ่นเบาๆ ไม่สปอยล์ ถ้าพูดถึงฉากการต่อสู้ที่ตรึงใจแฟนๆที่สุดก็คงเป็นตอนฟรีซเซอร์สู้กับโกคูบนดาวนาเม็กนี่แหละ (รำคาญเวลาอีคนบรรยายท้าวความมาก แต่เราก็ยอมทนตกเป็นเบี้ยล่างเพื่อรอดูฉากสำคัญ)
ตอนนั้นฟรีเซอร์เกือบม่องเท่ง แถมยังเจ๊งซ้ำสองตอนมาโลกด้วยคมดาบของทรังค์ (ผัวเก่าเดี๊ยน)
ใน Dragon Ball Z : Resurrection F นี้ ฟรีซเซอร์ ได้ถูกชุบชีวิตโดยความช่วยเหลือของลูกสมุน
พอฟื้นคืนมาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงค่ะ “ตรูจะฆ่าโกคูสถานเดียวววว” แถมยังมีร่างทองดุจมนุษย์ทองคำเส้าหลินด้วย
แนะนำว่าถ้าจะดูให้สนุกควรดู Dragon Ball Z : Battle of Gods ปี 2013 ปูทางก่อนด้วยค่ะ จะได้ไม่งงว่า 2 ตัวนี้คือไผ…
● ภาคนี้ภาพสวยมากกกก โดยเฉพาะฉากต่อสู้มีการเติมรายละเอียดในการลงสี ไม่แข็งอย่างเมื่อก่อน
● การดำเนินเรื่องกระชับดี แม้ว่าจะพอเดาทางได้ แต่โดยรวมไม่ทำให้ผิดหวัง
●ใครที่เป็นแฟนคุริลิน เสน่ห์อันเหลือล้นบางอย่างจะกลับมา (ไปดูเอง)
● มุขฟายๆ มีให้ครื้นเครงสำหรับแฟนๆที่เข้าใจ
● เนื้อเรื่องโดยมีนโยบายเดิม ในการสร้างสันติสุข พรหมศิริให้โลกใบนี้
ไม่พูดแระ!! ไปติดตามเองในโรงภาพยนตร์กันเองเถอะค่ะ
ออกมาจากโรงได้เจอพี่อ๊อด สุดยอดแฟนพันธ์แท้ดราก้อนบอลที่เคยแข่งด้วยกันเมื่อ 10 ปีก่อนด้วย เลยขอชักภาพเป็นที่ระทึก
เทียบกะเมื่อปี 48
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณพี่หุย senior entertainment editor แห่ง seventeen ที่ให้ย้วยมาพบกับเหล่าฮีโร่ในดวงใจอีกครั้ง
LauraYuai